10 สิ่งที่ควรต้องรู้ ถ้าคุณอยากหุ่น “ซิกแพค”

ถ้าไปขอความคิดเห็นสาวๆ สมัยนี้ว่าชอบผู้ชายแบบไหน รับรองว่ามีจำนวนไม่น้อยที่จะตอบว่า “ชอบหนุ่มๆ ที่มีซิกแพค” ทำให้หนุ่มๆ จำนวนไม่น้อยต้องก้มมองหน้าท้องตัวเอง เพราะอยากมีก็อยากมีนะ แต่จะทำยังไงถึงจะมีได้ แต่รับรองว่าอ่าน 10 ข้อที่จะแนะนำต่อไปนี้และลงมาสร้างซิกแพคอยู่ไม่ไกลแน่นอน 1. รู้จักซิกแพคให้ดีซะก่อน ซิกแพคนั้นจริงๆก็คือกล้ามเนื้อมัดหนึ่งในร่างกาย ที่อยู่บริเวณหน้าท้อง เหมือนกล้ามแขน กล้ามขา กล้ามหน้าอกนี่แหล่ะ โดยซิกแพคเองมีชื่อจริงที่แม่ตั้งให้ว่า Rectus Abdominis หรือเรียกสั้นๆ ว่า Abs มีลักษณะเป็นลูกๆ ไม่ใช่แค่ 6 ลูกอย่างเดียว แต่สามารถมีได้ทั้ง 4, 6 และ 8 ลูก และจริงๆแล้วทั้งหมดเป็นกล้ามเนื้อก้อนเดียว แต่มีเส้นเอ็นที่แบ่งตรงกลางและแนวขวาง ทำให้ออกมาเป็นหน้าตาอย่างที่เราเห็น 2. ขจัดความเชื่อที่ผิดๆเกี่ยวกับซิกแพค ทีนี้พอเรารู้ว่าซิกแพคเป็นกล้ามเนื้อ ดังนั้นการที่จะมีซิกแพคคือเราต้องออกกำลังกายหน้าท้องเพื่อให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น จะได้มีดูซิกแพคใช่หรือไม่ ? คำตอบคือ ใช่ แค่ 30% รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเราทุกคนมีกล้ามเนื้อซิกแพคกันอยู่แล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเราโดนไขมันหน้าท้องบดบังไว้อยู่ใต้พุง หมายความว่า ถ้าอยากมีสิ่งนี้สิ่งที่สำคัญกว่าการสร้างกล้ามเนื้อก็คือ การเอาไขมันออก ซึ่งการออกกำลังกายที่เผาผลาญไขมันได้ดีที่เรียกว่าการคาร์ดิโอนั่นเอง […]

ข้อดีของการเล่นกล้ามเนื้อหน้าท้อง By ครูข้าวฟ่าง

ข้อดีของการเล่นกล้ามเนื้อหน้าท้อง By ครูข้าวฟ่าง กล้ามเนื้อหน้าท้อง ซึ่งเป็นหนึ่งในกล้ามเนื้อหลักในส่วนของ Core muscle แล้วเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยเบิร์นไขมันได้ดี การที่เราบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องบ่อยๆ นอกจากจะช่วยให้เรามีหน้าท้องที่แบนราบ เฟิร์ม กระชับ มี Six Pack แล้ว ยังช่วยให้ Core muscle ของเราแข็งแรงอีกด้วย ข้อดีคือ เมื่อเราบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง และส่วนของ core muscle ให้แข็งแรง -ช่วยป้องกันการบาดเจ็บในส่วนของกระดูกสันหลัง ลดอาการปวดหลังได้ดีขึ้น -ช่วยให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ ยืน เดิน นั่ง หรือการก้มหยิบของ -ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกายอย่างอื่นได้ดีขึ้น -ช่วยเผาผาญไขมันบริเวรหน้าท้องได้เพิ่มขึ้น ** ทดลองเล่นจริง 3 วัน คลิกที่นี่ : ลองเล่นจริง 3 วัน >  #wefitnesssociety #wefitness #workout #fitnessbangkok

ประโยชน์ของการเดินที่คุณควรรู้

การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและสะดวก เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ร่างกายได้รับแรงกระแทกจากการเดินน้อยมาก การเดินส่งผลดีต่อสุขภาพมีดังต่อไปนี้ 1. การเดินช่วยสร้างความแข็งแรงของหัวใจ หากเราเดินอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลดี (HDL)ในร่างกาย สมาคมโรคหลอดเลือดสมองระบุว่า หากคุณเดินเร็วอย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน จะช่วยป้องกันและควบคุมความดันโลหิตสูงได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การเดินสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ถึงร้อยละ 27 2. การเดินช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดสารพัดโรคร้าย แทบไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวว่าการเดิน สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้มากถึงประมาณร้อยละ 60 นอกจากนั้นยังสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และโรคมะเร็งเต้านมได้ ร้อยละ 20 ดังนั้นในชีวิตประจำวันของเรา ควรเดินอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดสารพัดโรคร้ายดังกล่าวข้างต้น 3. การเดินช่วยลดน้ำหนัก หากคุณเดินด้วยความเร็ว 2 ไมล์ต่อชั่วโมง ในเวลา 30 นาที คุณจะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 75 แคลอรี่ หากคุณเพิ่มความเร็วเป็น 3 ไมล์ต่อชั่วโมง จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ 99 แคลอรี่ และหากคุณเดินเร็วขึ้นเป็น 4 ไมล์ต่อชั่วโมง จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 150 แคลอรี่ (ซึ่งพอ ๆ กับการทานเค้ก […]

7 ท่าออกกำลังกายลดต้นขา อยากขาเล็กต้องลอง

สาวๆหลายคนมักจะเผชิญกับปัญหาขาใหญ่ไม่กระชับ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะกับสาวเจ้าเนื้ออวบอ้วนเท่านั้นนะค่ะ แต่ยังเกิดขึ้นได้กับสาวร่างเล็กเพรียวลมได้เช่นกัน ทำให้รูปร่างที่ควรได้สัดส่วนกลับผิดรูปไปซะงั้น ทั้งที่หลายๆคนทั้งออกกำลังกายก็แล้ว ทานอาหารคลีนก็แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นเช่นนั้น วันนี้เรามีท่าบริหารลดต้นขาง่ายๆมานำเสนอให้ชาว WE Fitness Society ที่ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยกระชับต้นขาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงก้น สะโพกอีกด้วย ช่วยให้ฟิตแอนด์เฟิร์มแน่นอน! 1. Squat เป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายและสะดวกสามารถทำที่ไหนก็ได้ เป็นท่าออกกำลังกายที่ช่วยกระชับต้นขา สะโพกและเซลลูไลท์อย่างได้ผล วิธีการบริหาร 1. ยืนตรง กางขาออกกว้างประมาณไหล่ เปิดปลายเท้าออกไปด้านข้างเพียงเล็กน้อย 2. ค่อยๆย่อตัวลงนั่งโดยให้หลังตั้งตรงไม่งอ ดันเอวและก้นไปด้านหลังเหมือนนั่งเก้าอี้กลางอากาศ พยายามอย่าให้หัวเข่าเกินปลายเท้า 3. มองตรงไปข้างหน้า เกร็งหน้าท้องเอาไว้ กลับเข้าสู่ท่ายืน การออกกำลังกายลดต้นขาด้วยท่า Squat นี้ เริ่มแรกอาจจะทำสัก 15 -20 ครั้ง ทั้งหมด 4-5 เซต และควรทำต่อเนื่อง สัปดาห์ล่ะ 3 วัน 2. Sumo Squat เป็นการออกกำลังกายที่เหมือนกับ Squat ท่ากายบริหารนี้จะช่วยกระชับต้นขาด้านในก้น วิธีการบริหาร 1. ลำตัวตั้งตรง […]

ปรับสมดุลให้แกนกลางลำตัวแข็งแรง ด้วยท่า Bird dog (By Coach Suyu)

ปรับสมดุลให้แกนกลางลำตัวแข็งแรง ด้วยท่า Bird dog หรือ Swimming prep pilates  เมื่อบทความที่แล้ว ได้พูดถึง ท่ายืดกล้ามเนื้อสร้างความแข็งแรงกับท่า Side bend ไปแล้ว ในบทความนี้ เรามาออกกำลังกายในท่าที่ช่วยให้แกนกลางลำตัวแข็งแรง และปรับสมดุลให้กับกล้ามเนื้อทั้งสองฝั่ง นั้นคือท่า Bird dog หรือ ท่า swimming prep pilates มาเริ่มกันเลยค่ะ 1. เริ่มจากการนั่งในท่า all four positionให้สะโพกตรงกับเข่า และแขนตรงกับหัวไหล่ น้ำหนักกระจายออกไปที่แขนขาทั้งสี่จุด 2. ก่อนที่เราจะยกขาซ้ายขึ้นตรงไปทางด้านหลัง ให้เราทำแกนกลางลำตัวให้นิ่งที่สุด ไม่มีการขยับของสะโพกเกร็งไปที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง ยกขาซ้ายขึ้นค้าง และนิ่ง 👍 3. และก่อนที่จะยกแขนขาวเหยียดตรงไปทางด้านหน้า ให้เรากระจายน้ำหนักไปที่สามจุดรองรับ ที่ขาขาว กล้ามเนื้อท้องและหลัง และแขนซ้าย จากนั้นยกแขนขาวขึ้นค้าง และนิ่ง👍 ค้างท่านี้ไว้ประมาณ 30 วินาที และสลับข้างนะคะ เพื่อกล้ามเนื้อที่สมดุล เพื่อกระดูกสันหลังที่ตั้งตรง เพื่อสุขภาพและความแข็งแรงของเราคร้า […]

ท่ายืดกล้ามเนื้อของคุณสร้างความแข็งแรงด้วย Side bend By Coach Suyu

สำหรับท่ายืดกล้ามเนื้อและท่าที่สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสองข้างให้สมดุลกัน เราขอแนะนำท่ายืดกล้ามเนื้อ Side bend จากบทความที่ผ่านมา ที่ทาง  Coach Suyu ของเราได้แนะนำ 2 ท่านั่ง ทีพวกเราทุกคนนั่งจนเป็นชีวิตประจำวันที่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายร่างกายเราได้ วันนี้ Coach Suyu มีท่าออกกำลังกายมาแนะนำเพื่อปรับ และสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั้งสองข้างให้สมดุลกัน โดยท่า Side bend วิธีทำท่า Side bend 1. ยืนไขว่ขาซ้ายไปทางด้านหลัง นำขาทั้งสองชิดกันไว้ 2. ยืดแขนซ้ายขึ้นตรงเหนือศรีษะ มือขวาจับกับกำลังหรือราวเหล็กไว้ ปรับสะโพกสองข้างให้เท่ากัน 3. หันฝ่ามือเข้าหาศรีษะ และค่อยเอื้อมมือ ยืดลำตัวทางด้านซ้าย ต่อด้วยค่อยๆโค้งลำตัวนำมือด้านซ้ายไปจับกับกำแพงหรือราวเหล็กฝั่งตรงกันข้าม โดยที่สะโพกไม่ยกตามขึ้นมา ความรู้สึกจะอยู่ที่ลำตัวทางด้านซ้าย เอว หลัง ท้อง และแขนของเรา อย่าลืมสลับข้างนะคะ ✌️   ** ทดลองเล่นจริง 3 วัน คลิกที่นี่ : ลองเล่นจริง 3 วัน > 

15 MINUTE YOGA WORKOUT EP : 2

15 MINUTE YOGA WORKOUT : โยคะเพื่อหน้าท้องแบนราบ ตอนที่ 2  จากบทความที่แล้ว ใน WE Fitness Society 15 MINUTE YOGA WORKOUT EP 1ขอเชิญชวนสาวๆ ให้เล่นท่าโยคะในเซ็ตนี้อย่างต่อเนื่อง อย่าขาดตอน… ในตอนที่ 2 กันนะครับ เพื่อเร่งอัตราการเต้นของหัวใจและกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรีได้ดีขึ้น “เริ่มต้นจากท่าแพลงก์ แล้วตามด้วยไซด์แพลงก์ข้างซ้าย แล้วเข้าสู่ท่าท่อนไม้ ต่อด้วยท่าแพลงก์ก่อน กลับสู่ท่าไซด์แพลงก์ด้านขวา” (ทำซ้ำอีกรอบ) จากนั้นจึงลดตัวลงสู่ท่า ‘ฟอร์อาร์ม แพลงก์’ วางเข่าลง พัก 30 วินาที ต่อด้วยท่าโบ๊ตและฮาล์ฟโบต์…ทำท่าทั้งหมดนี่ต่อเนื่องกัน 3 รอบ รับรองว่าหน้าท้องคุณจะฟิตปั๋งในเวลาอันรวดเร็ว 1. Boat Pose วางแขนท่อนล่างทั้งสองราบกับพื้น ห่างกันเท่าช่วงหัวไหล่ ให้ข้อศอกอยู่ตรงกับไหล่พอดี (a) ชันเท้าขึ้นด้วยปลายนิ้วเท้า ขาทั้งสองยังคงเหยียดตึงไปด้านหลัง เท้าแยกห่างกันเท่าความกว้างสะโพก…ให้ร่างกายทั้งหมดจากหัวถึงส้นเท้าเป็นเส้นตรง (b) จากนั้นเกร็งหน้าท้องค้างไว้ 1 นาที […]

15 MINUTE YOGA WORKOUT EP : 1

15 MINUTE YOGA WORKOUT : โยคะเพื่อหน้าท้องแบนราบ ตอนที่ 1 ปกติโยคะมักมีท่าบริหารช่วงลำตัวเสียเป็นส่วนใหญ่…แต่ท่าที่เรานำมาฝากนั้นเหนือชั้นกว่า เพราะมันท้าทายทักษะการทรงตัวของผู้ฝึก ให้ร่างกายของคุณฝึกเคลื่อนไหวเพื่อสร้างสมดุล ด้วยการบังคับเอว กล้ามเนื้อสะโพก หรือแม้แต่บั้นท้าย ให้รวมพลังกันออกแรงปั้นแต่งสรีระให้สวยได้รูป เซ็กซี่บาดตาบาดใจ… ใน 15 MINUTE YOGA WORKOUT : โยคะเพื่อหน้าท้องแบนราบ ตอนที่ 1 WE Fitness Society รับรองว่า หน้าท้องคุณจะฟิตปั๋งด้วยท่าไม้ตายของเรา…เพราะการเล่นโยคะเป็นประจำนั้น ช่วยเตรียมหน้าท้องให้ฟิตเฟิร์ม พร้อมใส่ชุดสวยได้เร็วกว่าการชิตอัพนับครั้งไม่ถ้วน เป็นไหนๆ 1. Plank to Side Plank วางมือทั้งสองตรงกับหัวไหล่ แขนเหยียดตึงและยืดขาทั้งสองไปด้านหลัง แยกเท้าห่างเท่าสะโพก…นี่คือท่าแพลงก์ (a) เลื่อนฝ่ามือซ้ายมาวางกลางเสื่อโยคะ แล้วตะแคงตัวด้านขวา ทรงตัวอยู่บนสันเท้าซ้าย วางเท้าขวาซ้อนเท้าซ้าย เหยียดแขนขวาชี้เพดาน ค้างไว้ 8 ลมหายใจ (b) จากนั้นกลับสู่ท่าแพลงก์ 2. Chaturanga to Plank  […]

ออกกำลังกายแค่ไหนถึงจะเรียกว่าพอดี ?

ออกกำลังกายแค่ไหนถึงจะเรียกว่าพอดี ? การออกกำลังกายนั้นเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งใครๆ ต่างก็รู้ดี แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่า แล้วเราต้องออกกำลังกายมากแค่ไหนล่ะ ถึงจะพอดี ? วันนี้เรามีความรู้ในเรื่องของการออกกำลังกายเพื่อที่จะได้รับประโยชน์ได้อย่างเต็มที่มาฝากกันครับ สาวๆ หนุ่มๆ คนไหนที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพให้ได้ผลนั้น จะต้องปฏิบัติอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และยิ่งถ้าทำได้ทุกวันแล้วก็จะยิ่งดีเลยค่ะ เพราะถ้าหากเราว่างเว้นจากการออกกำลังกายนานเกิน 3 สัปดาห์ ผลที่ได้ในการออกำลังกายครั้งสุดท้ายก็จะสูญเสียไป ทำให้ต้องนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพราะฉะนั้น หากคิดจะฟิต อยากจะหุ่นดี เราก็ต้องอดทนและซื่อสัตย์ต่อตัวเองให้มากที่สุด ออกกำลังกายนานแค่ไหนถึงจะดี ? ในการออกกำลังกายแต่ละครั้ง ต้องนานไม่ต่ำกว่า 30 นาที และใน 30นาทีนี้ ก็จะต้องมีความสม่ำเสมอต่อเนื่องโดยไม่หยุดด้วย เพราะถ้าหากเราออกกำลังกายโดยใช้เวลาน้อยกว่านี้ ผลที่ได้ก็จะน้อยตามไปด้วย แต่ก็ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง ต่อวัน เพราะจะเป็นการทำลายกล้ามเนื้อเปล่า ๆ แถมอาจจะเกิดการบาดเจ็บของข้อต่อและเส้นเอ็นด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว การออกกำลังกายนานๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าร่างกายของเราจะดึงพลังงานส่วนเกินออกมาใช้มากขึ้น แต่อาจจะเป็นการดึงกล้ามเนื้อมาใช้งานมากกว่านั่นเองค่ะ ความเหมาะสมของการออกกำลังกายในแต่ละวันจึงอยู่ที่ 30-45 นาที นั่นเอง เราควรออกกำลังกายหนักแค่ไหนถึงจะได้ผล ? ตัวกำหนดความหนักเบานั้น  ถ้าจะพูดตามหลักวิชาการก็คือ […]

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอยังไง ให้เผาผลาญได้สูงที่สุด

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอยังไง ให้เผาผลาญได้สูงที่สุด  คำถามที่หลายคนสงสัยบางคนวิ่งเหงื่อท่วมตัวแต่ทำไมยังไม่ผอมลงสักที วันนี้ WE Fitness Society จะพาไปรู้จัก 5 เคล็ดลับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอยังไง ให้เผาผลาญได้สูงที่สุด การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพหัวใจ และยิ่งต้องทำหากคุณอยู่ในช่วงกำลังลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือ เข้าคลาสคาร์ดิโอต่างๆ เคล็ดลับดังต่อไปนี้จะทำให้หัวใจเราสูบฉีดมากกว่าเดิม 1.วิ่งเร็วในระยะสั้น สลับกับความเร็วปานกลาง จะทำให้เผาผลาญแคลอรี่ สร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้มากขึ้น 2.คาร์ดิโอส่วนใหญ่มักจะใช้ขาเป็นหลัก ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหากเราคาร์ดิโอที่แขนด้วย เปลี่ยนจากการวิ่งบนลู่วิ่งแบบเดิมๆที่ต้องจับแท่นจับ มาเป็นการสวิงแขนไปด้วยขณะวิ่ง คิดท่าใหม่ๆที่ใช้แขนขณะอยู่ในสระน้ำไปด้วย หรือแม้เข้าคลาสอื่นๆก็ตาม แทนที่จะวางแขนไว้ที่ข้างกายของคุณ 3.ขยายเวลาออกกำลังกายให้มากขึ้นอีกจากปกติ 30-45 นาที โดยขยายเพิ่มอีกซัก 5 นาทีจากเวลาปกติ 4. คาร์ดิโอมากกว่า 2 ชนิดใน 1 อาทิตย์ ไม่จำเป็นที่ว่าเราจะต้องคาร์ดิโอซ้ำๆเดิมๆ แบบเดียวกันทั้งอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และป้องการกันบาดเจ็บจากออกกำลังกายแบบเดิมๆได้อีกด้วย 5. เพิ่มความท้าทายให้กับคาร์ดิโอของคุณ เช่น เพิ่มการวิ่งแบบยกเข่าสูงขึ้นมา