LOW IMPACT HIIT เทรนด์ใหม่สำหรับวัยซีเนียร์!

LOW IMPACT HIIT เทรนด์ใหม่สำหรับวัยซีเนียร์!   หนุ่มๆ สาวๆ สายสุขภาพมาทางนี้เลย จะชวนมาออกกำลังกายแบบ LOW IMPACT HIIT ขอบอกว่าจะช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ที่สำคัญใครมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน อยากลดน้ำหนัก ต้องไม่พลาดเทรนด์ออกกำลังกายใหม่นี้กันนะครับ LOW IMPACT HIIT คือการออกกำลังแบบไหน ?   ขออธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ เลยครับ กับเทรนด์การออกกำลังกายแบบ LOW IMPACT HIIT  ที่เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบทำให้ข้อต่อต่างๆ เช่น เอ็นร้อยหวาย หัวเข่า ข้อเท้า ส้นเท้า รวมถึงกล้ามเนื้อ ไม่ให้ได้รับแรงกระแทกจนเกิดการบาดเจ็บนั่นเอง เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ไม่จะวัยหนุ่ม สาว วัยรุ่น คนสูงอายุ ในคนที่ น้ำหนักตัวมากอยากลดน้ำหนัก หรือคนที่เคยผ่าตัดเกี่ยวกับข้อเข่าต่างๆ ก็สามารถหันมาออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ได้เช่นกัน เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเซฟช่วงเข่า ลดการเกิดแรงกระแทกแรงๆ หนักๆ ได้ครับ โยคะ การเล่นโยคะเป็นประจำจะช่วยให้กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ […]

ออกกำลังกาย แล้วผิวสวย จริงหรือ?

ออกกำลังกาย แล้วผิวสวย จริงหรือ?   สาเหตุที่การออกกำลังกายทำให้ผิวสวยนั้น คืออะไร เรามาดูกันเลยค่ะ   1. เมื่อออกกำลังกายทำให้เหงื่อออกจากรูขุมขนทั่วร่างกายโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า น้ำจากเหงื่อจะช่วยขับสิ่งอุดตันรูขุมขนออกมาได้ ลดปัญหาสิวอุดตัน และสิวอื่นๆก็พลอยหายเร็วไปด้วย 2. เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เลือดจะสูบฉีดได้เร็วขึ้น ทำให้เลือดที่หล่อเลี้ยงร่างกายและผิวหนังส่วนต่างๆ นำพาออกซิเจนและสารอาหารมาด้วย ส่งสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ส่งผลดีต่อผิวพรรณและสุขภาพร่างกายโดยรวม ผิวขาวอมชมพูดูมีเลือดฝาด 3. การออกกำลังกายทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกมีความสุข ลดความตึงเครียดทั้งร่างกายละจิตใจลง ลดฮอร์โมนความเครียดที่ส่งผลเสียต่อคอลลาเจน ช่วยชะลอวัย ป้องกันริ้วรอยไม่ให้ดูแก่เร็ว 4. ลดปัญหาสิวจากฮอร์โมน เพราะสิวฮอร์โมนมักเกิดจากความเครียดของร่างกายจนฮอร์โมนขาดความสมดุล หลั่งน้ำมันในผิวมากเกินไปจนก่อปัญหาสิวอักเสบได้ การออกกำลังกาย ช่วยลดความเครียดและยังช่วยลดสิวอักเสบได้อีกด้วย 5. ทำให้เลือดไหลเวียน ได้สะดวกเมื่อเลือดไหลเวียนได้สะดวกเราก็มีเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายทุกส่วนอย่างเต็มที่ นั้นก็ส่งผลโดยตรงที่ทำให้ผิวพรรณนั้นดูเปล่งปลั่งสดใส ดูดีมีเลือดฝาด 6. ทำให้อารมณ์นั้นแจ่มใสขึ้น เมื่ออารมณ์เราแจ่มใส เราย่อมไม่เครียด หรือหงุดหงิดง่าย ซึ่งความหงุดหงิดความเครียด เป็นผลทำให้ผิวหมองคล้ำเสียได้ 7. ทำให้การขับถ่ายสะดวก เมื่อขับถ่ายสะดวกย่อมท้องไม่ผูก ไม่หงุดหงิด ไม่อึดอัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลทำให้ผิวสวยได้ 8. ทำให้ร่างกายแข็งแรง เมื่อร่างกายที่แข็งแรง […]

“วัยทำงาน” กับ การออกกำลังกาย ที่เหมาะสมที่สุด

“วัยทำงาน” กับ การออกกำลังกาย ที่เหมาะสมที่สุด   Burn-Out Syndrome อาการ Burn-Out Syndrome หรือ อาการ “หมดไฟ” มักพบเมื่อสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว (work-life balance) เสียไป เกิดความเหนื่อยหน่ายทางอารมณ์ ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน อ่อนเพลีย เสียสมาธิ ความสัมพันธ์กับผู้อื่นมีปัญหา รู้สึกว่ามีความสุขน้อยลง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคทางจิตใจและร่างกายอื่นๆ อีกด้วย การป้องกันภาวะ Burn-out นี้สามารถทำได้ด้วยการเริ่มที่ตนเอง ร่วมกับการสนับสนุนจากหัวหน้าและที่ทำงาน ในปัจจุบันมีองค์กรขนาดใหญ่มากมายที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะนอกจากจะเป็นผลดีกับพนักงานแล้ว  ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลรักษาพยาบาลขององค์กรอีกด้วย การออกกำลังกาย การออกกำลังกายที่ดี ควรเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ (อย่างน้อยครั้งละ 20-30 นาที) ร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (strengthening exercise) อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และต้องไม่ลืมที่จะทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (stretching exercise) ทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและเพิ่มสมรรถภาพของร่างกาย เทคนิคง่ายๆ ที่เริ่มได้จากตัวเอง   […]

ทำความรู้จัก”REM Sleep” สาเหตุของการนอนหลับไม่สนิท

ทำความรู้จัก “REM Sleep” สาเหตุของการนอนหลับไม่สนิท   REM Sleep คืออะไร? การนอนในแต่ละคืนของเรา จะมีอยู่ 2 ช่วงใหญ่ๆ ได้แก่ Non-REM Sleep เป็นช่วงเวลาตั้งแต่เพิ่งหลับไปจนถึงก่อนช่วงหลับลึก โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 5-15 นาที 5-15 นาทีแรก ร่างกายจะค่อยๆ ปรับตัวจากโหมดตื่นเป็นนอนหลับ จะยังหลับไม่ลึกมาก ค่อนข้างตื่นง่ายหากมีการรบกวนด้วยแสง หรือเสียง 15-30 นาที ร่างกายเข้าสู่โหมดหลับตื้น ชีพจรเต้นช้าลง อวัยวะในร่างกายบางส่วนหยุดการทำงาน 30 นาที-1 ชั่วโมง ร่างกายเข้าสู่โหมดหลับลึก จะเริ่มไม่รับเหตุการณ์รอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้น และจะตื่นค่อนข้างลำบาก REM Sleep เป็นช่วงวงจรที่กล้ามเนื้อต่างๆ หยุดทำงานหมดยกเว้น หัวใจ กระบังลม กล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อเรียบ แต่สมองยังคงทำงานอยู่ราวกับตื่น จึงเป็นช่วงที่ฝันเป็นเรื่องเป็นราว หรืออาจเรียกได้ว่านอนหลับไม่สนิท มีการกลอกตาไปมา ดิ้นไปดิ้นมา หัวใจเต้นเร็วขึ้น บางรายอาจฝันจนบ่นพึมพำ โดยการนอนแบบนี้จะเกิดขึ้นในช่วงหลังของการนอนตั้งแต่ 1.30 ชั่วโมงเป็นต้นไป […]

“ความดันโลหิตสูง” ห้าม “ออกกำลังกาย” จริงหรือ?

“ความดันโลหิตสูง” ห้าม “ออกกำลังกาย” จริงหรือ?   การออกกำลังกาย ส่งผลต่อความดันเลือดยังไงบ้าง?   การออกกำลังกายสามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตได้โดยช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือด ลดไขมันทั้งในร่างกายและหลอดเลือด ทำให้ความต้านทานในหลอดเลือดลดลง หัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น ทำให้ปริมาณเลือดที่สูบฉีดแต่ละคร้ังเพิ่มขึ้น ระดับพลาสมา นอร์อิพิเนพฟริน (norepinephrine) ลดลง ผลโดยรวมจึงทำให้ความดันโลหิตลดลง ยังไม่นับรวมที่การมีกล้ามเนื้อมากขึ้นการเผาผลาญดีขึ้น ควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นดีทำให้ลดอาการปวดข้อต่างๆ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ส่งผลต่อทางจิตวิทยาทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้น จริงๆ แล้วคนเป็นโรคนี้ ออกกำลังกายแค่ไหน คำแนะนำในการออกกำลังกายเพื่อป้องกันและบรรเทาความโรคดันโลหิตสูง จาก ACSM แนะนำว่าการออกกำลังกายทุกประเภทนั้นควรทำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำได้บ่อยๆ ระหว่างวัน ทุกวันยิ่งดี โดยการออกกำลังกายทุกระดับความหนักหรือความเหนื่อย ไม่ว่าจะเบา กลาง หนัก ก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ให้เน้นที่ ระดับความเหนื่อยปานกลาง ส่วนระยะเวลาทำสั้นแค่ไหนก็ได้สะสมให้ได้อย่างน้อยตั้งแต่ 90 -150 นาทีต่อสัปดาห์ขึ้นไป จะให้ดีออกให้ได้ต่อเนื่องครั้งละ 20-30 นาที การออกกำลังกายที่แนะนำ แต่ละประเภทมีรายละเอียดดังนี้   การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ที่ความเหนื่อยระดับปานกลาง (ร้องเพลงไม่ไหว […]

7 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนจะเริ่มออกกำลังกาย อย่างจริงจัง!

7 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนจะเริ่มออกกำลังกาย อย่างจริงจัง!   • การเริ่มต้นสำคัญที่สุด หลายคนพยายามตั้งใจออกกำลังกายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร หากใครกำลังประสบปัญหาดังกล่าว อาจลองเริ่มจากง่ายๆ เช่น  วิ่ง จากนั้นค่อยพัฒนาไปเป็นรูปแบบอื่นต่อไป โดยอาจขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด   • สิ่งที่สำคัญคือพลังงานเข้าน้อยกว่าออก สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ต้องจำไว้เสมอว่า ไม่ว่าเราจะออกกำลังกายมากขนาดไหน หากเราไม่ควบคุมอาหารแต่ยังคงรับประทานอาหารเท่าเดิม น้ำหนักของเราก็ไม่มีทางลดลง โดยทุก 3,000-4,000 แคลอรี ที่เราบริโภค จะทำให้น้ำหนักเราขึ้น 1 กิโลกรัม แต่การที่เราจะลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัมนั้น เราต้องออกกำลังกายถึง 7,000 แคลอรีเลยทีเดียว   • ไม่มีทางเผาผลาญไขมันได้หากไม่ออกกำลังกาย  หลายคนพยายามหาวิธีลดไขมันโดยออกกำลังกายน้อย ซึ่งโดยธรรมชาติ ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน และความเชื่อที่ว่าต้องออกกำลังกายต่อเนื่อง 30 นาที ร่างกายจึงจะนำพลังงานจากไขมันออกมาไม่จำเป็นต้องออกต่อเนื่องยาวนานถึง 30 นาที ก็สามารถเผาผลาญไขมันได้ หากคุณออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน หรือแกว่งแขน ก็ต้องใช้เวลานานกว่าร่างกายจะดึงไขมันออกมาใช้ ต่างจากการวิ่งหรือว่ายน้ำที่ร่างกายจะดึงไขมันออกมาใช้ได้เร็วกว่า   […]

ชานมไข่มุก 1 แก้ว ( 300-400 กิโลแคลอรี ) พลังงานพอ ๆ กับอาหารจานไหนบ้าง

ชานมไข่มุก 1 แก้ว ( 300-400 กิโลแคลอรี ) พลังงานพอ ๆ กับอาหารจานไหนบ้าง   ชานมไข่มุก 1 แก้ว จะให้พลังงานประมาณ 300-400 กิโลแคลอรี หรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับระดับความหวาน ท็อปปิ้งที่เลือกใส่เพิ่ม และน้ำชาไข่มุกในแบบต่าง ๆ กันไป ซึ่งใครเป็นสาวกชานมไข่มุกที่แท้ทรู ชนิดที่ว่ากินทุกวัน บางคนกินวันละ 2 แก้วด้วยซ้ำ ลองมาดูกันหน่อยว่าชาไข่มุก 1 แก้ว แคลอรีจะพอ ๆ กับอาหารจานไหนบ้าง ชานมไข่มุก 1 แก้ว พลังงานพอ ๆ กับอาหารจานไหนบ้าง       ใน 1 วัน เราควรได้รับพลังงานจากการบริโภคอาหาร ประมาณ 1,600-2,400 กิโลแคลอรี ซึ่งพลังงานในชานมไข่มุก 1 แก้ว นี่พอ ๆ […]

ชนะโรคภูมิเเพ้ ด้วยการฝึกโยคะ

ชนะโรคภูมิเเพ้ ด้วยการฝึกโยคะ   โยคะ บำบัดโรคนั้นเมื่อพูดถึงแล้วจุดเด่นของการเล่นโยคะคงหนีไม่พ้นเรื่องของ อาการจากโรคภูมิแพ้ถือว่าเป็นโรคที่ผู้คนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้นั้น นิยมเลือกการรักษาด้วยโยคะบำบัดมากไม่เป็นรองโรคอื่นๆเลย เนื่องจากอาการของโรคภูมิแพ้นั้นส่วนใหญ่เกิดมาจากระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นเมื่อมีการฝึกเล่นโยคะจึงเป็นผลดีต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อย่างมาก   การเล่นโยคะคือการผ่อนคลายฝึกต้องอาศัยการฝึกวิธีการหายใจเข้าออก และการฝึกหายใจเข้าออกนั้นต้องกำหนดว่าเมื่อหายใจเข้าต้องหายใจให้สุดลม หายใจ และเมื่อหายใจออกนั้นก็ต้องหายใจออกไปให้สุดเช่นกัน หรือที่เรียกกันว่าการหายใจแบบ กปาลภาติ ซึ่งการหายใจโดยวิธีนี้นั้น สามารถช่วยให้ น้ำมูกแห้งและลดลงได้ เมื่อเวลาที่หายใจเข้าออกปกติจะเริ่มรู้สึกว่าหายใจได้สบายขึ้นโล่งขึ้น   ดังนั้น ซึ่งเป็นผลดีมากต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ อาการภูมิแพ้นั้นที่เป็นมาจากการหายใจและต้องการอากาศที่บริสุทธิ์ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้นั้นในปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาด ได้ แพทย์ในปัจจุบันจึงได้มีการคิดทางแก้ไขที่สามารถช่วยผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิ แพ้แทนการกินยา เพราะคงไม่มีใครที่อยากจะกินยาอยู่ทุกวันและกินไปก็ไม่ได้หายขาด   ดังนั้นแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้หันมาเล่นโยคะแทน การเล่นกินยาที่ไม่มีวันสิ้นสุด นอกจากจะช่วยเรื่องของภูมิแพ้แล้วนั้น โยคะยังสามารถช่วยเรื่องของโรคหอบหืดอีกด้วย เพราะจากการทดลองให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดได้เล่นโยคะไปพร้อมๆกันการรักษา ด้วยการกินยานั้น แพทย์ได้ระบุว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดนั้น มีอาการหอบลดน้อยลงเยอะมากเลยทีเดียว การเล่นโยคะจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการบำบัดโรคหอบหืดแต่แพทย์ไม่ได้ระบุว่า การเล่นโยคะจะใช้เป็นวิธีการรักษาแทนการกินยา แต่ให้เล่นโยคะไปพร้อมๆกับการกินยาเพื่อรักษาโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดนั้นเอง   โยคะ ไม่ได้เเก้โรคภูมิเเพ้ได้นะคะ เเต่ช่วยในการใช้ชีวิตของเราอีกด้วยนะ! อ่านเพิ่มเติม คลิก หลบฝนมาฝึกโยคะ ฝึกทำเเล้วหลับสบายกับ INSTRUCTOR NAT    

3 วิธีลดหน้าท้อง สำหรับคนผอมเเต่มีพุง!

3 วิธีลดหน้าท้อง สำหรับคนผอมเเต่มีพุง!   1. ออกกำลังกายด้วยเวทเทรนนิ่ง คนที่มีหุ่น skinny fat ส่วนใหญ่มักจะมีรูปร่างที่ขาดมวลกล้ามเนื้อ และที่เห็นผอมอย่างนั้น หุ่นดีอย่างนั้น แต่ไขมันสะสมก็เยอะใช่เล่น ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายด้วยเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย     2. ออกกำลังกายแบบ HIIT การออกกำลังกายแบบ HIIT เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญไขมันสะสมในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นการคาร์ดิโอที่เหมาะกับรูปร่างหุ่นดีแต่มีพุงด้วย เนื่องจากเป็นการคาร์ดิโอที่ใช้เวลาสั้น ๆ แต่สามารถเบิร์นไขมันสะสมได้เยอะเลยทีเดียว     3. คาร์ดิโอ 1-2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับคนหุ่นดีแต่มีพุงแนะนำให้คาร์ดิโอสัปดาห์ละ 1-2 ชั่วโมง โดยคาร์ดิโอครั้งละไม่เกิน 30 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเบิร์นไขมันมากเกินไปจนเสียมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจทำให้ดูผอมไปกว่านี้ ซึ่งการคาร์ดิโอก็สามารถทำได้ทั้งการวิ่ง จ๊อกกิ้ง กระโดดเชือก ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำเลยค่ะ     เพื่อสุขภาพที่ดีของท่านสมาชิกอย่างยั่งยืน  ออกกำลังกายให้ครบทุกประเภท ทั้ง การออกกำลังกายเพื่อหัวใจที่แข็งแรง ​(Cardio) กล้ามเนื้อแข็งแรง (Strength) และ […]

รู้กันไหม ? ทำไมควรกินอาหารก่อนออกกำลังกาย

รู้กันไหม ? ทำไมควรกินอาหารก่อนออกกำลังกาย   1. กินก่อนออกกำลังกายช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่า   หลายคนที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักอาจจะคิดว่าการงดอาหารก่อนออกกำลังกายนั้นจะช่วยให้ลดน้ำหนักได้มากขึ้นอีก แต่ในความเป็นจริงแล้วนั่นไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง เพราะการงดอาหารนั้นไม่ได้ช่วยลดไขมันในร่างกายหรือช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อเลย และถ้าเรากินอาหารก่อนออกกำลังกายก็จะทำให้เรามีพลังงานสำหรับไปใช้ออกกำลังกายได้นานขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เผาผลาญแคลอรีและไขมันได้มากกว่าเดิม 2. แม้ออกกำลังกายไม่หนักก็ควรกินอาหารบ้าง   การกินอาหารก่อนออกกำลังกายนั้นไม่จำเป็นต้องกินเฉพาะตอนทำ Cardio หรือออกกำลังกายต่อเนื่องนาน ๆ อย่างกินก่อนวิ่งเท่านั้น เพราะถึงแม้จะออกกำลังกายปกติร่างกายก็ยังคงต้องการพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ถ้าหากท้องเราว่างก็จะมีพลังงานไว้ใช้กับการออกกำลังกายน้อยลง อาจรู้สึกเหนื่อยง่ายและออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะถ้าออกกำลังกายหนัก ๆ ยิ่งควรกินอาหารก่อนออกกำลังกายเลยล่ะ   3. กินคาร์โบไฮเดรตก่อนออกกำลังกายดีกว่าโปรตีน   สำหรับคนที่ออกกำลังกายปกติ ควรกินอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตมากกว่าอาหารประเภทโปรตีน เนื่องจากแหล่งพลังงานสำหรับใช้ในการออกกำลังกายนั้นจะได้จากคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก แต่โปรตีนนั้นเป็นสารอาหารสำหรับสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งไม่ได้ให้พลังงานมากเท่าคาร์โบไฮเดรต และอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าหากต้องการสร้างกล้ามเนื้อก็ควรกินโปรตีนหลังออกกำลังกายจะดีกว่า   4. กินให้ถูกวิธี ไม่ต้องกลัวไม่สบายท้อง หนึ่งในปัญหาที่ทำให้หลายคนไม่อยากกินอาหารก่อนออกกำลังกาย เพราะกลัวว่าจะรู้สึกจุก แน่น ไม่สบายท้องขณะออกกำลังกาย ซึ่งวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็คือการปรับอาหารและเวลาที่กิน ไม่ใช่งดอาหารไปเลย โดยให้เลือกเน้นกินอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากใยสูง และให้กินก่อนออกกำลังกายสัก 2-3 ชั่วโมง       อย่างไรก็ตามเนื่องจากร่างกายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ถ้าหากกินอาหารก่อนออกกำลังกายแล้วรู้สึกไม่สบายท้องหรืออึดอัด […]