IF ไดเอทแบบ 16/8 ในหนึ่งวันต้องกินอะไรดี?
Intermittent Fasting (IF) ซึ่งการลดน้ำหนักแบบนี้เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะคุ้นหูกันมาบ้างแล้ว โดยถ้าพูดถึง IF แล้ว ต้องบอกว่าสามารถทำได้หลายแบบค่ะ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เรากำหนด แต่ถ้าพูดถึง IF ที่ทำง่ายที่สุด ก็ต้อง Intermittent Fasting แบบ 16/8 เลยค่ะ ซึ่งถือเป็นวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะกับมือใหม่และผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบง่ายๆ ไม่กระทบกับการกินในชีวิตประจำวันมากเกินไป!
การลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF) คืออะไร
การลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF) คือการจำกัดเวลาการกิน หรือการกำหนดระยะเวลาในการกินอาหารนั่นเองค่ะ โดยไม่เน้นว่าจะต้องกินอาหารในปริมาณที่มากหรือน้อย หรือต้องกำหนดว่ากินอาหารอะไรบ้าง แต่จะเน้นการกินอาหารให้อยู่ในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้แม้จะไม่ได้กำหนดว่าควรกินอาหารอะไรบ้าง แต่ก็ควรคำนึงถึงสารอาหารและพลังงานที่ร่างกายควรได้รับต่อวันด้วย
ประโยชน์ของการทำ Intermittent Fasting (IF)
การทำ IF ถือว่ามีประโยชน์มากๆ ในการช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดนั้นดีขึ้นค่ะ โดยในช่วงที่เราอดอาหารนั้น ร่างกายจะมีการปรับระดับฮอร์โมนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยในส่วนของฮอร์โมนอินซูลิน เมื่อเราอดอาหารระดับอินซูลินในเลือดจะลดลงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งนั่นจะช่วยให้ร่างกายหลั่ง Growth Hormones ออกมา เกิดสภาวะ Ketosis ที่จะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น ซึ่งจะมีผลให้ไขมันลด น้ำหนักลดนั่นเอง
เนื่องจากการทำ IF ไม่ได้เป็นการจำกัดการกินอาหารค่ะ ว่าต้องกินมากน้อยแค่ไหน จึงไม่ยากต่อการทำเท่ากับการลดน้ำหนักแบบอื่นๆ ซึ่งถ้าใครจะเริ่มลดน้ำหนักด้วยการทำ IF การทำแบบ 16/8 ก็ถือว่าง่ายต่อการเริ่มต้นมากที่สุดค่ะ
แนวทางการทำ Intermittent Fasting (IF) แบบ 16/8
การลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting 16/8 หรือการจำกัดเวลาการกินอาหารแบบ 16/8 คือมีช่วงเวลาการอดอาหาร (Fasting) เป็นเวลา 16 ชั่วโมง และมีช่วงเวลาการกิน (Feeding) เป็นเวลา 8 ชั่วโมง ซึ่งจำนวนชั่วโมงแบบ 16/8 นี้ก็ได้รับความนิมยมมากที่สุดค่ะ เพราะทั้งทำได้ง่าย ไม่เหนื่อยเกินไป และสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันปกติได้เลย
ตารางการทำ IF : Intermittent Fasting แบบ 16/8
- 7:00 น. ตื่นนอน
- 8:00 น. งดอาหารเช้า เปลี่ยนเป็นดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำอุ่นผสมมะนาว
- 12:00 น. เริ่มช่วงเวลาการกิน (Feeding) กินอาหารกลางวัน
- 15:00 น. กินอาหารว่าง
- 18:00 น. กินอาหารเย็น
- 20:00 น. เริ่มช่วงเวลาการอด (Fasting) โดยงดการกินอาหารจนถึง 12:00 น. ของอีกวัน
ดูจากแพลนแล้ว ไม่ยากใช่ไหมคะสาวๆ แต่ทำตามแพลนนี้แล้ว ต้องอย่าลืมคำนึงถึงสารอาหาร และพลังงานที่ร่างกายควรได้รับต่อวันด้วยนะคะ ทางที่ดีถ้าอยากลดน้ำหนักให้ได้ผลมากที่สุด ควรออกกำลังกายร่วมด้วย และอย่าลืมลดหวาน มัน เค็ม ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลดีมากขึ้นอีกด้วยนะคะ