คอนเฟิร์ม! 7 เรื่องว้าวที่สาวๆ ควรรู้เกี่ยวกับโยคะ

คอนเฟิร์ม! 7 เรื่องว้าวที่สาวๆ ควรรู้เกี่ยวกับโยคะ 1. โยคะจะช่วยทำให้คุณรู้ศักยภาพตัวเอง   เมื่อคุณได้ฝึกครั้งแรก สาวๆ จะรู้แล้วว่าร่างกายเราอ่อนแอแค่ไหน แขน ขาก็ไม่มีแรงเอาเสียเลย นั่นแหละ… สิ่งที่สาวๆ จะต้องทำหลังจากนี้คือคุณต้องขยายศักยภาพของตัวเองให้ได้มากขึ้น รู้มั้ยว่าร่างกายคุณทำได้มากกว่านี้นะ   2. โยคะไม่ใช่เรื่องของการตัวอ่อนแค่นั้นนะ!   นี่ๆ… โยคะคือหลัก บอดี้เวท (Body Weigh) ดีๆ นี่เอง หลายท่ามีหลักการเดียวกับการออกกำลังกายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแพลงก์ หรือสควอตช์ เอาจริงๆ นะ ลองท้าผู้ชายแข็งแรงๆ มาเล่นโยคะดูสิ มีแพ้สาวๆ ที่ฝึกมานานกันบ้างล่ะ เป็นการคอนเฟิร์มว่าคุณจะแข็งแรงขึ้น กล้ามเนื้อที่ได้ก็จะไม่ใหญ่โตเหมือนนักเพาะกาย เพราะน้ำหนักที่เราแบกคือน้ำหนักตัวเอง กล้ามเนื้อที่ได้ก็คือกล้ามเนื้อที่มาจากตัวเอง   3. แต่โยคะจะทำให้ตัวอ่อนและมีความยืดหยุ่นขึ้นด้วย   จริงๆ แหละ เอ้าๆ อย่าเพิ่งบอกว่าตัวเองตัวแข็ง คุณขา… คนเราร่างกายไม่เหมือนกัน แต่ร่างกายคุณพัฒนาได้ ลองฝึกไปเรื่อยๆ สาวๆ จะได้เรียนรู้ว่าร่างกายคุณทำอะไรได้มากกว่าที่คิดเยอะ เชื่อเถอะ […]

อยากสุขภาพดี วิตามินครบ ต้องทานอะไรบ้าง?

อยากสุขภาพดี วิตามินครบ ต้องทานอะไรบ้าง? วิตามินเอ   วิตามินเอประกอบด้วยสารสำคัญ 2 ชนิด ได้แก่ เรตินอล (Retinal) และแคโรทีน (Carotene) วิตามินเอมีส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยในการบำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นดีขึ้นในเวลากลางคืน ช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ช่วยลดการอักเสบของสิว ลดรอยจุดด่างดำ และช่วยส่งเสริมภูมิต้านทาน วิตามินซี   วิตามินซี ประกอบด้วยสารสำคัญ กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนังและเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ผนังหลอดเลือด ช่วยสมานแผล ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน กระตุ้นทำให้เกิดการสร้างกระดูกและฟัน วิตามินดี   ช่วยควบคุมการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสเข้าสู่ร่างกาย  ส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุนและโรคกระดูกบาง ถ้าขาดวิตามินดีจะทำให้ปวดเมื่อย และเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน วิตามินอี   เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และกล้ามเนื้อ ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้า และอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงทำให้สุขภาพผิวเป็นปกติ   […]

9 วิตามิน บำรุงสุขภาพดี ช่วง Work at Home

9 วิตามิน บำรุงสุขภาพดี ช่วง Work at Home   สถานการณ์ Covid-19 ตอนนี้ต้องบอกว่า ไม่ค่อยมีใครอยากออกไปขางนอกไปซื้อของ วี ฟิตเนส เลยขอเเนะนำวิตามินบำรุงสุขภาพดี ช่วง work at Home เราอาจจะยุ่งๆ ไม่มีเวลาเเละคงหาซื้ออาหารสุขภาพได้ไม่ครบเลยเเนะนำให้ทานวิตามิน เเต่วิตามินและอาหารเสริมเป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ใช่ว่าจะกินมั่วซั่วได้ มาดูกันเลยค่ะว่าคุณเหมาะกับวิตามินเเบบไหนบ้าง   รวมมิตร   Multivitamin เหมาะสำหรับน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วงการวิตามิน เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละวันคุณได้รับสารอาหารเพียงพอ มองหากระปุกที่มีวิตามินและเกลือแร่จำเป็น 12 ตัวขึ้นไป (เช่น A, B, C, E และ Zinc เป็นต้น) ไม่จำเป็นต้องมี Iron ก็ได้ปริมาณที่เหมาะสม 1 แคปซูลต่อวัน   เพิ่มพลัง   Acetyl L-Carnitine ใช่เลยสำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ อยากเพิ่มความอึดและความทนทาน เร่งการเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น แถมยังช่วยคลายเครียด […]

ยืดกล้ามเนื้อตอนไหนดี ? ก่อน vs หลัง ออกกำลังกาย

ยืดกล้ามเนื้อตอนไหนดี ? ก่อน vs หลัง ออกกำลังกาย   การยืดกล้ามเนื้อนั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1.Dynamic Stretch หรือการยืดกล้ามเนื้อแบบเคลื่อนไหว 2.Static Stretch หรือการยืดกล้ามเนื้อแบบหยุดนิ่ง   Dynamic Stretching     คือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อแบบมีการเคลื่อนไหว โดยที่เคลื่อนไหวช้าๆ และต่อเนื่อง ประโยชน์คือช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อให้ทำงานดีขึ้น เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและเตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อมกับการออกกำลังกาย นิยมทำก่อนออกกำลังกาย เพราะจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้ดีกว่าการทำ Static Stretching(การยืดเหยียดแบบอยู่กับที่) ควรทำก่อนออกกำลังกายโดยอยู่ในช่วงของ Warm up (อบอุ่นร่างกาย) สามารถทำควบคู่ไปกับการอบอุ่นร่างกาย หรือจะทำก่อนหรือหลังจากอบอุ่นร่างกายก็ได้ โดยใช้เวลาในช่วงของการอบอุ่นร่างกายรวมทั้งหมดประมาณ 10-15 นาที (ขึ้นอยู่กับกิจกรรมหรือกีฬา)   Static Stretch หรือการยืดกล้ามเนื้อแบบหยุดนิ่ง     การยืดกล้ามเนื้อแบบคงค้างไว้ถือว่าเป็นจุดบอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะมีการศึกษาที่แสดงถึงความแข็งแรงที่ลดลงและการระเบิดแรงที่ลดลงเมื่อทำการยืดกล้ามเนื้อทันทีก่อนการฝึกซ้อม ในทางกลับกัน นักวิ่งที่ใช้การยืดกล้ามเนื้อแบบคงค้างไว้ก่อนการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ จะเกิดการบาดเจ็บมากกว่าตอนที่พวกเขาหยุดการยืดกล้ามเนื้อ   สำหรับนักวิ่งทั่วไป การยืดกล้ามเนื้อแบบคงค้างไว้จะได้ผลดีที่สุดเมื่อทำหลังจากฝึกซ้อมเสร็จแล้ว และใช้เพื่อลดอาการยึดติดหลังการวิ่งที่อาจจะมีผลต่อเนื่องถึงวันวิ่งวันต่อไปได้ เพื่อนๆควรคิดว่าการยืดกล้ามเนื้อแบบคงค้างไว้จะช่วยหย่อนกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงควรยืดในเวลาที่เหมาะสมค่ะ […]

ถ้าอยากสุขภาพดี นอนให้พอดีกับอายุ!

ถ้าอยากสุขภาพดี นอนให้พอดีกับอายุ!     โดยทั่วไปแล้วเรามักบอกกันว่า ควรนอนหลับให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง โดยไม่สงสัยเลยว่านั่นเป็นคำตอบที่เหมาะสำหรับทุกช่วงวัยหรือเปล่า ซึ่ง National Sleep Foundation ก็ได้ออกมาแนะนำช่วงเวลาการนอนหลับที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละช่วงวัยค่ะ มาดูกันนะคะ ว่าแต่ละวัยควรนอนหลับนานแค่ไหนบ้าง   วัยแรกเกิด (0-3 เดือน): 14-17 ชั่วโมง วัยทารก (4-11 เดือน): 12-15 ชั่วโมง วัยเตาะแตะ (1-2 ปี): 11-14 ชั่วโมง วัยอนุบาล (3-5 ปี): 10-13 ชั่วโมง วัยประถม (6-13 ปี): 9-11 ชั่วโมง วัยรุ่น (14-17 ปี): 8-10 ชั่วโมง วัยผู้ใหญ่ตอนต้น (18-25 ปี): 7-9 ชั่วโมง วัยผู้ใหญ่ (26-64 […]

เม็ดแมงลัก vs เมล็ดเจีย ต่างกันตรงไหน?

เม็ดแมงลัก vs เมล็ดเจีย ต่างกันตรงไหน?   เมล็ดเจียและเม็ดแมงลักต่างเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีสรรพคุณล้น เด่นมาก ๆ ก็ในเรื่องช่วยลดน้ำหนัก จนถึงกับมีคำถามมาว่าเม็ดแมงลักกับเมล็ดเจียต่างกันยังไง ซึ่งวันนี้เราจะมาแยกความแตกต่างและความเหมือนระหว่างเม็ดแมงลัก VS เมล็ดเจียกัน   ลักษณะของเมล็ดเจียกับเม็ดแมงลัก   เม็ดแมงลัก     เมล็ดเจีย     ต่างกันอย่างไร   หลายคนสับสนว่าเม็ดแมงลักเหมือนกับเมล็ดเจีย แต่จริง ๆ แล้วเป็นธัญพืชคนละชนิดกันเลยค่ะ โดยสามารถสังเกตลักษณะของเมล็ดง่าย ๆ ตรงที่เมล็ดเจียจะมีลักษณะรี มีสีน้ำตาลเทา มีลวดลายเล็กน้อย ส่วนแมงลักจะมีลักษณะรี แต่สีดำเข้ม และถ้านำไปแช่น้ำแล้วจะพบว่าเมล็ดเจียจะพองตัวเป็นลักษณะเม็ดใส แต่เม็ดแมงลักจะพองตัวในลักษณะเม็ดมีเมือกสีขาวขุ่น   วิธีกินเมล็ดเจีย VS วิธีกินเม็ดแมงลัก             ไม่ว่าจะเป็นเม็ดแมงลักหรือเมล็ดเจีย ก่อนรับประทานควรต้องแช่น้ำจนธัญพืชนั้น ๆ พองตัวเต็มที่เสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้นเมล็ดเจียและเม็ดแมงลักอาจไปดูดซึมน้ำภายในช่องทางเดินอาหาร ทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอุดตันลำไส้ จนทำให้เกิดการท้องผูก และท้องอืดมากขึ้น           โดยอย่างน้อยที่สุดที่ควรแช่เมล็ดเจียอยู่ที่ 10-15 นาที […]

3 วิธีสร้างภูมิต้านทาน ให้คุณแข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน

3 วิธีสร้างภูมิต้านทาน ให้คุณแข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน   หนึ่งในความเข้าใจผิดๆ ของคนออกกำลังกาย คือคิดว่าเมื่อเราเก่งในยิมแล้ว นอกยิมเราจะทำอะไรก็ได้ แต่การมีมัดกล้ามที่ใหญ่โตนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นยอดมนุษย์ที่ป่วยไม่เป็น เพราะสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันเราจากโรคภัยไข้เจ็บ ได้แก่การมีภูมิต้านทานที่แน่นหนา ประหนึ่งกองทัพคอยพิชิตเชื้อโรค มาดูกันเลยค่ะว่ามีวิธีอะไรบ้าง   ออกกำลังกายอย่างชาญฉลาด   การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยกระตุ้น T – Cell หรือเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจากผลการศึกษาในปี 2006 พบว่า หลังให้ผู้เข้าร่วมการศึกษาออกกำลังกายด้วยความหนักระดับปานกลาง เช่น เดินเร็วนาน 30 นาทีเป็นประจำทุกวัน นาน 1 ปี สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดไข้หวัดลงไปกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับคนที่ออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ แต่ที่น่าสนใจคือผู้ที่ออกกำลังกายหนักๆ เช่น การวิ่งหรือไตรกีฬา อาจทำให้ภูมิคุ้มกันตก หากว่าคุณหักโหมจนไม่แบ่งเวลาให้ร่างกายได้พักฟื้น ดังนั้นคุณจึงควรฟังเสียงร่างกายตัวเองด้วย   กินเพิ่มภูมิ        เน้นหนักไปที่วัตถุดิบส่งกลิ่นอย่างกระเทียมสด เพราะสามารถต้านไวรัสและเชื้อแบคทีเรียได้ดี รวมถึงขิงและเห็ดชิตาเกะที่ช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงการกินผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระทุกมื้อ เช่น ตระกูลเบอร์รีต่างๆ ผลไม้รสเปรี้ยว ฯลฯ เลือกกินไขมันดีจากอะโวคาโด อัลมอนด์ […]

ปั่นจักรยานช้าหรือปั่นเร็วอันไหนเผาผลาญไขมันได้มากกว่า

ปั่นจักรยานช้าหรือปั่นเร็วอันไหนเผาผลาญไขมันได้มากกว่า   การปั่นจักรยานถือเป็นการออกกำลังกายแบบพื้นฐานที่ทำได้ง่าย ทำได้บ่อย แค่มีจักรยานสักคันแบบไหนก็ได้ ก็ออกกำลังได้แล้ว ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ทำให้นอนหลับได้สนิท และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคอื่นๆมากมาย   การปั่นจักรยานงสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการปั่นจักรยานเพื่อการแข่งขัน การปั่นจักรยานเพื่อการออกกำลังกาย และการปั่นจักรยานเพื่อการลดน้ำหนัก ซึ่งแน่นอนในทุกรูปแบบของการการปั่นจักรยานเราจะได้เผาผลาญพลังงาน น้ำ กล้ามเนื้อ และไขมันออกไป โดยปริมาณการเผาผลาญนั้นจะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับความเร็วในการปั่นจักรยาน น้ำหนักตัว เพศ อายุ และระยะทางที่การปั่นจักรยานนั่นเอง การปั่นจักรยานควรเริ่มต้นอย่างช้าๆ   มีข้อแนะนำสำหรับผู้เริ่มปั่นจักรยานใหม่ๆและคนที่ไม่ได้ออกกำลังเป็นประจำว่า ควรเริ่มปั่นจักรยานอย่างช้าๆ แล้วเพิ่มความเร็วขึ้น (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความฟิตของแต่ละบุคคลด้วย) และเมื่อร่างกายฟิตขึ้นจึงค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ควรเริ่มด้วยการปั่นจักรยานแบบช้าๆทุกครั้ง เพื่อเป็นการอบอุ่นร่างกาย และ เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการใช้งาน   ความเร็วกับน้ำหนักตัวส่งผลกับการเผาผลาญพลังงาน   การเผาผลาญพลังงานที่ได้จากการปั่นจักรยานนั้น จะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับความเร็วที่ปั่นจักรยาน ระยะทาง และน้ำหนักตัวของผู้ปั่นจักรยานด้วย คนที่มีน้ำหนักตัวมากจะใช้พลังงานมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวน้อย เพราะต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนไหวร่างกายที่ใหญ่กว่านั่นเอง     การเผาผลาญพลังงานและไขมันในขณะปั่นจักรยาน   อย่างที่บอกการเผาผลาญพลังงานของร่างกายไม่ได้ใช้การเผาผลาญพลังงานจากแป้งในกล้ามเนื้อ(ไกลโคเจน) หรือไขมันอย่างใดอย่างนึงเพียงอย่างเดียว แต่ร่างกายจะใช้พลังงานจากทั้งสองแหล่งในปริมาณที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและกิจกรรมการออกกำลังกาย ตอนเริ่มปั่นจักรยานร่างกายจะใช้พลังงานจากแป้งในกล้ามเนื้อ(ไกลโคเจน) เป็นพลังงานต้น […]

วิถีแห่งโยคะ (มรรค 8 แห่งโยคะ)

วิถีแห่งโยคะ (มรรค 8 แห่งโยคะ)   การฝึกโยคะที่หลายๆ คนมุ่งมั่นฝึกอยู่นั้น ไม่ใช่เพียงการฝึกท่าโยคะเท่านั้น ยังมีส่วนอื่น ๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญและเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันอยู่ ในวิถีแห่งการฝึกตน อันประกอบไปด้วย   1. ยมะ (Yama)    Universal morality การเริ่มต้นฝึกโยคะ ต้องเริ่มต้นดวยการถือยมะ โยคะคือการฝึกกายฝึกใจไปพร้อม ๆ กัน จริยธรรม หรือ ข้อควรละเว้น ถือเป็นพื้นฐานอันดับแรกของมนุษย์ ศีลจึงเป็นหลักของการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างสันติ   ซึ่งมีด้วยกัน 5 ข้อ ได้แก่ การแก้ปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรง การไม่ลักทรัพย์ การไม่พูดปด การประพฤติตนบนทางแห่งความเป็นจริง และ การไม่ถือครองวัตถุเกินความจำเป็น   2. นิยมะ (Niyama)    personal observances วินัย หรือข้อควรปฏิบัติ 5 ประการ ได้แก่ การอดทนอดกลั้น การพอใจในส่ิงที่ตนเองมีอยู่ […]

5 วิธี รับมืออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยช่วงหน้าฝน

5 วิธี รับมืออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยช่วงหน้าฝน   ช่วงนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงบ่อย อุณหภูมิที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวฝนตกทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันจึงส่งผลให้ป่วยง่ายค่ะ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ อย่างโรคไข้หวัดและโรคไข้หวัดใหญ่ มาดูวิธีรับมือกันเลยค่ะ   1. ดูแลร่างกายให้แข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ร่างกายอ่อนแอด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามที่ร่างกายต้องการและดื่มน้ำให้ พอเพียง   2. สวมใส่เสื้อผ้าที่หนาเพียงพอ   โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนที่มีอากาศหนาวเย็น เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวจัดต้องระวังอาจเกิดภาวะอุณหภูมิของร่างกายลดลง มากผิดปกติเนื่องจากผิวหนังของสาวๆ กลุ่มนี้เริ่มมีความไวของประสาทรับรู้อากาศที่หนาวเย็นลดลง ร่างกายจึงไม่สามารถตอบสนองด้วยการหนาวสั่นหรือการหดตัวของกล้ามเนื้อให้เกิดความอบอุ่นได้ดีเหมือนคนหนุ่มสาว       3. ล้างมือเป็นประจำให้ติดเป็นนิสัย   โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นหวัด ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ บริเวณจมูก ปาก ตา เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่อาจปนเปื้อนอยู่ จะเป็นการแพร่กระจายเชื้อ   4. อยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก   การอยู่ในฝูงชนที่แออัดจะทำให้เกิดการระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าที่ควร อาจรับเชื้อไวรัสไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่จากผู้อื่นได้ง่ายกว่าการอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก   5. ฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สามารถป้องกันโรคต่างๆ ได้ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดอักเสบ เป็นต้น