โกโก้ให้พลังงานเท่าไหร่ กินยังไงถึงไม่อ้วน!
ความจริงเรื่องเครื่องดื่มเพิ่มพุง ใครๆก็ทราบ ซึ่งความจริงความน่ากลัวของเครื่องดื่มพวกนี้อยู่ที่ส่วนผสม และปริมาณการรับประทานที่มากเกินความพอดี ดังนั้นเราจำเป็นต้องทราบพลังงานคร่าวๆ เพื่อที่เราจะได้กะปริมาณที่จะทานได้เหมาะสม หรือถ้าหากหยุด หรืองดการดื่มพวกนี้เป็นของว่างได้ ก็จะทำให้ควบคุมน้ำหนัก และ สร้างเสริมสุขภาพที่ดีได้
ก่อนอื่นเลย เครื่องดื่มชงพวกนี้จะมีส่วนผสมหลักๆ คือ
- น้ำตาลทราย (1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 45 kcal)
- นมข้นหวาน (1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 60 kcal)
- นมข้นจืด (1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 43 kcal)
- ตัวกาแฟ ชา และผงโกโก้ (ให้พลังงานไม่เกิน 30 kcal ต่อแก้ว)
เรื่องปริมาณนั้น มากน้อยอยู่ที่น้ำหนักมือและรสชาติของแต่ละร้าน ว่างๆเวลาสั่งลองสังเกตุดูว่าเค้าใส่อะไรจำนวนกี่ช้อนแล้วเอามาคำนวนเล่นๆ ดูนะคะ
โกโก้เย็น ในปริมาณ 1 แก้ว 334 กิโลแคลอรี่
โกโก้ปั่นในปริมาณ 1 แก้ว มีพลังงานทั้งหมด 457 กิโลแคลอรี่
กินอย่างไรไม่ให้อ้วน!
การรับประทานโกโก้ให้เป็นเมนูลดน้ำหนักนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่ความเข้มข้นหรือความบริสุทธิ์ของผงโกโก้ที่ใช้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหากต้องการลดน้ำหนัก ควรใช้ความเข้มข้นของผงโก้โก้อย่างน้อยที่ 70% ขึ้นไปหรือที่เรียกกันว่า ดาร์กชอคโกแลต (Dark Chocolate) เท่านั้น ซึ่งด้วยความเข้มข้นของผงโกโก้ดังกล่าวทำให้รสชาติความหวานที่หลายๆคนชื่นชอบจะหายไปและแทนที่ด้วยรสขมปร่าที่ปลายลิ้น
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนอาจจะไม่ชอบชอคโกแลตบริสุทธิ์ระดับนั้น แต่ด้วยความเข้มข้นนี้เองที่สร้างประโยชน์ในการลดน้ำหนัก เนื่องจากจะมีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งเป็นสารเร่งการเผาผลาญในร่างกาย บางคนที่เป็นคอดื่มไวน์อาจคุ้นเคยชื่อสารชนิดนี้ดีว่าเป็นตัวช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นและช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดตีบอีกด้วย นอกจากนี้ในชอคโกแลตเองก็ยังมีกากใยอาหารแม้จะผสมอยู่ในสัดส่วนที่น้อยนิดคือประมาณ 2 กรัมต่อชอคโกแลตแท่งหนึ่ง ดังนั้นก็อาจจะกล่าวอ้างได้บ้างว่าการกินโกโก้หรือชอคโกแลตเข้มข้นนอกจากจะช่วยเร่งการเผาผลาญแล้วยังจะช่วยระบบการขับถ่ายให้ดีขึ้นอีกเล็กน้อย