ฝึกพิลาทิส เคล็ดลับฉบับดาราเซเลบริตี้

ฝึกพิลาทิส เคล็ดลับฉบับดาราเซเลบริตี้

 

Pilates (พิลาทิส) การออกกำลังกายรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ดารา Hollywood และตอนนี้กำลังฮิตในหมู่ดาราเมืองไทยบ้านเราคะ

อาทิ คุณเจนี่, คุณลูกเกด, คุณซอลย่าและดาราอีกหลายท่าน โดยการเล่นพิลาทิสจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างภายในร่างกาย ฝึกสมาธิ เน้นการเคลื่อนไหว กำหนดการหายใจ โดยอาศัยทุกสัดส่วนของลำตัวและแกนกลางลำตัว เรียกว่าเป็นการผสานระหว่างศาสตร์ของโยคะและการออกกำลังกายที่ต้องใช้การหายใจเข้าช่วยเป็นหลัก โดยการขยับกล้ามเนื้อลำตัว จะต้องมีความสมดุลกับการหายใจอย่างเป็นจังหวะที่กำหนด เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนให้แก่ร่ายกายหมุนเวียนได้ดีมากยิ่งขึ้น

 

ทำไมต้อง Pilates ❔

พิลาทิส (pilates) นั้นเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้คนทั่วโลก ประโยชน์ของพิลาทิสนั้นมีมากมายซึ่งเป็นเหตุผลที่ใครๆต่างก็พากันออกกำลังกายด้วยวิธีนี้
🔶 พิลาทิสช่วยยืดกล้ามเนื้อและสลายไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและเฟิร์มยิ่งขึ้น
🔶 ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง
🔶 ปลอดภัย ไม่ส่งผลเสียต่อข้อต่อของร่างกาย เพราะไม่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรง
🔶 ลดความเครียด ทำให้จิตใจแจ่มใส
🔶 เพิ่มความกระฉับกระเฉง คล่องตัว ยืดหยุ่น เสริมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายทำให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
🔶 ช่วยในเรื่องการหายใจ พิลาทิสนั้นเน้นการหายใจและแต่ละท่าทางจะมีรูปแบบการหายใจที่แตกต่างกัน
รู้แบบนี้แล้ว อย่ารอช้า รีบมาเล่น Pilates เพื่อสุขภาพที่ดีกันนะคะ

 

พิลาทิส ช่วยฝึกสมาธิหรือไม่ ?

 

 

ท่าเล่นที่เน้นการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้า ๆ โดยสามารถใช้กล้ามเนื้อทุกมัดในการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากที่สุดนั่นเอง ซึ่งท่าในการเล่นพิลาทิสบนเสื่อบางท่าก็คล้ายคลึงกับการเล่นโยคะ แต่ก็ยังมีความแตกต่างในแต่ละท่าบ้าง ซึ่งการเล่นพิลาทิสยังคงเน้นความเชื่องช้าของการเคลื่อนไหวร่างกายทั้งยังต้องมีการกำหนดลมหายใจเข้า – ออก เพื่อให้สัมพันธ์กับท่วงท่าที่ขยับเคลื่อนไหวนั่นเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้มีการกำหนดรับรู้ลมหายใจจนสมองถูกสั่งการให้อยู่กับท่วงท่าและการหายใจเข้าและออกในแต่ละจังหวะ จนทำให้เกิดสมาธิขณะเล่นนั่นเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้เล่นมีจิตใจจดจ่ออยู่กับท่าทางและลมหายใจอยู่เสมอ จนบางคนที่เล่นพิลาทิสอย่างเป็นประจำจะมีสมาธิมากขึ้นกว่าเดิมได้เลยทีเดียว

 

ก่อนจะบริหารร่างกายแบบพิลาทีส Pilates ผู้ฝึกควรเข้าใจหลักการ 8 ข้อต่อไปนี้ที่เป็นหัวใจของการฝึก ได้แก่

 

 

1. Concentration – การมีสมาธิจดจ่ออยู่กับท่าทางที่จะต้องทำในแต่ละขั้นตอน และปิดกั้นความคิดอื่นๆ ที่หลงเข้ามาในสมอง ทำให้จิตใจสงบ
2. Breath – หายใจเข้ายาวๆ แล้วหายใจออกให้สุดโดยไม่ต้องกลั้นเก็บไว้ หายใจไหลเรื่อยสม่ำเสมอเช่นเดียวกับการหายใจในชีวิตประจำวัน แต่เกร็งกล้ามเนื้อท้องเข้าช่วยบังคับให้ท้องแบนราบทั้งเวลาหายใจเข้าและออก (หลักการต่างจากโยคะที่เวลาหายใจเข้าท้องต้องป่อง) นอกจากจะได้ฝึกหายใจอย่างเต็มอิ่มแล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยฟิตหน้าท้องไปด้วยในตัว
3. Centering – การรวมสมาธิไปที่จุดศูนย์กลางของร่างกายบริเวณหน้าท้อง (Power Home) การเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องสำหรับบังคับท่าบริหารทุกๆ ท่าของทุกๆ ส่วน ทำให้ร่างกายทำงานเป็นหน่วยเดียวกันเหมือนกับการควบคุมวงออร์เคสตร้า
4. Control – การบังคับให้ร่างกายให้ทำงานต้านกับแรงโน้มถ่วงโลก เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย ยิ่งเคลื่อนไหวร่างกายช้าๆ ต้านแรงโน้มถ่วงเท่าไหร่ยิ่งได้ความแข็งแรงมากขึ้น
5. Precision – การวางมือ เท้าหรือท่าทางเริ่มต้นในตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยควบคุมการเคลื่อนไหว และความต่อเนื่องของการบริหารได้ดี
6. Flowing Movement – การเคลื่อนไหวจากท่าหนึ่งไปสู่อีกท่าหนึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่อง เหมือนวงล้อที่หมุนด้วยความเร็วสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาการเคลื่อนไหว
7. Isolation – การฝึกพิลาทีสจะเป็นความท้าทายเฉพาะตัวของแต่ละคนที่มีสภาพร่างกายแตกต่างกันไปคนละแบบ การศึกษาเทคนิคที่ถูกต้องจะทำให้ผู้ฝึกเรียนรู้โครงสร้างร่างกายของตนเอง และสามารถแยกการควบคุมการทำงานของกลุ่มกล้ามเนื้อในแต่ละส่วนได้ดียิ่งขึ้น
8. Routine – การทำซ้ำๆ สม่ำเสมอ จะยิ่งเพิ่มระดับความเชี่ยวชาญให้กับผู้ฝึก สามารถพัฒนาไปสู่ท่าที่ยากขึ้นได้ในระยะเวลาไม่นาน